วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

กุมารแพทย์เตือนอันตรายจากชาเขียว กระทบหญิงมีครรภ์-เด็ก

       
        

         วันที่ 25 มี.ค. 58 พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "สุธีรา  เอื้อไพโรจน์กิจ" เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มชาเขียวพร้อมดื่มสำหรับสตรีมีครรภ์และเด็กเล็ก หลังจ่าพิชิตเจ้าของเพจ "Drama-addict" มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อหญิงมีครรภ์และเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากการทำการตลาดของธุรกิจชาเขียว จึงฝากให้ พญ.สุธีรา ช่วยให้ข้อระมัดระวังถึงการดื่มชาเขียว
         โดย พญ.สุธีรา ให้ความเห็นว่า แม้ว่าในชาเขียวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ "Polyphenol" ที่ว่ากันว่าสามารถช่วยลดมะเร็ง, ชะลอภาวะแก่ก่อนวัย, รักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ, สกัดกั้น การทำงานของเอ็นไซม์ที่เปลี่ยนแปลงความเครียดในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยก่อให้เกิดหลอดเลือดตีบ, ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ, ช่วยลดระดับไขมันอิ่มตัว ซึ่งจะยับยั้งไม่ให้เกิดลิ่มเลือด และการก่อตัวของตะกอนไขมันที่ผนังเลือด แต่คุณสมบัติเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยันหรือสนับสนุนจากงานวิจัยที่เชื่อถือได้
          อีกทั้ง การดื่มน้ำชาเขียวในแบบของชาวญี่ปุ่นนั้น จะดื่มจากการชงใหม่ๆ มีความเข้มข้นสูง ไม่เหมือนกับชาเขียวพร้อมดื่มในไทยที่ผ่านการชงแบบเจือจาง มีน้ำตาลผสมอยู่ในปริมาณสูง และชงไว้นานหลายเดือน ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อผู้ดื่มที่เป็นหญิงมีครรภ์และเด็กเล็กด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ

          1. มีคาเฟอีน 
              ซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับหญิงมีครรภ์และเด็ก โดยในหญิงมีครรภ์พบว่าคาเฟอีนจะส่งผลให้หัวใจของทารกในครรภ์เต้นเร็วผิดปกติ และเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของทารกได้ ส่วนในเด็กนั้น คาเฟอีนจะทำให้ตื่นเต้น ใจเต้นเร็ว ไม่มีสมาธิ และกระสับกระส่าย

          2. มีน้ำตาลมาก
              ในชาเขียวพร้อมดื่มมีน้ำตาลผสมอยู่ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาน้ำหนักตัวขึ้นมากเกินไปในหญิงตั้งครรภ์ ทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น   ในส่วนของเด็กจะส่งผลให้ติดนิสัยกินหวาน       ดื่มหวาน ทำให้ฟันผุ เป็นโรคอ้วน ไม่กินข้าว หรือทำให้เด็กบางคนมีอาการอยู่ไม่นิ่ง ซนมาก ผิดปกติ นอกจากนี้น้ำตาลยังถือเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและให้โทษในระยะยาวอีกด้วย
         
          3. มีแทนนิน
              แทนนิน เป็นตัวการทำให้ท้องผูกและยับยั้งการดูดซึมสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน       โฟลิค และธาตุเหล็ก ทำให้เด็กขาดสารอาหาร อาจส่งผลทำให้การเจริญเติบโตช้า เป็นโรคเลือดจาง และยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นหากหญิงตั้งครรภ์ได้รับแทนนินมากๆ อาจทำให้ขาดโฟลิค ซึ่งเป็นสารสำคัญต่อการพัฒนาสมองและไขสันหลังของทารกในครรภ์ รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหลอดประสาทเปิด ซึ่งจะทำให้สมองและไขสันหลังพิการได้(Neural Tube Defect)
       
           นอกจากนี้ พญ.สุธีรา ยังให้คำแนะนำว่าการดื่มชาใดๆ ก็ตาม ไม่ควรดื่มในขณะที่กินยา ไม่ว่าจะเป็น   ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับไม่ควรดื่มชาก่อนนอน ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดเพราะความร้อนจะทำลายเนื้อเยื่อในช่องปากจนทำให้เกิดอันตรายได้ และไม่ควรดื่มชาที่ชงค้างคืนหรือชงไว้นานหลายชั่วโมงเพราะชาอาจจะบูด ทางที่ดีคืิอการดื่มน้ำเปล่า เพราะไม่มีอันตรายและสามารถดับกระหายได้ดีที่สุด


  

ที่มา :  http://m.naewna.com/view/breakingnews/150823
ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊ก สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ