เช้าวันหนึ่ง ฉันพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ยังคงนอนพลิกตัวขวาทีซ้ายที จากนั้น ก็ยกมือสองข้างขึ้นมากุมหัว
เพราะโดนอาการปวด มึน และหนักหัวเข้าเล่นงาน ในใจพลางคิดไปว่า
เมื่อคืนไม่น่าดื่มหลายแก้ว หลายหลากประเภทขนาดนั้นเลย ทั้งเบียร์ ทั้งสุรา มั่วไปหมด
นึกแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองที่อวดเก่ง ทิฐิที่หนึ่ง ยอมให้ใครมาหยาม หรือทำให้เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
พอโดนท้าเท่านั้น สุราเมรัยในแก้วทั้งหลายที่วางอยู่ตรงหน้า จึงถูกกระดกเข้าคออย่างไม่ขาดสาย
เช้านี้ก็คงถึงเวลารับผลของการอวดดีอวดเก่งนั้นแล้ว
หลังลืมตาขึ้นมาสักพัก
ก็พาตัวเองลุกจากเตียงนอนเพื่อไปล้างหน้าล้างตา และทำความสะอาดเนื้อตัว
หวังไว้ว่า ความเย็นของน้ำคงจะชะล้างทั้งคราบสกปรก ความมึน
และความพร่าเลือนในดวงตาออกไปได้
แต่พอเดินเข้าไปอยู่ภายในห้องน้ำ
ยังไม่ทันได้หมุนเปิดก๊อกฝักบัว รู้สึกได้ว่าบริเวณหน้าท้องแข็งเกร็ง ทันใดนั้นก็อาเจียนออกมา
โชคดีที่เพียงก้าวเดียวก็ถึงชักโครก พื้นห้องน้ำจึงคงความสะอาดเฉกเช่นเดิม
นั่งที่พื้น
ใช้มือท้าวชักโครกอยู่นานสองนาน จนรู้สึกโล่งในลำคอ และหัวที่เคยรู้สึกหนักๆ
เมื่อตอนตื่นทุเลาลง จึงได้เวลาล้างเนื้อล้างตัวเสียที
ทันทีที่สายน้ำจากฝักบัวปะทะกับผิวหน้า
และไหลลงมาตามร่างกาย ความรู้สึกสบาย สดชื่นก็ตามมา
ทำไมเกิดความรู้สึกอยากยืนแช่น้ำนานกว่าทุกวันก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะความเย็นของน้ำช่วยขับไล่ความรู้สึกไม่สบายตัวออกไปได้
แต่ก็แค่บางส่วนเท่านั้น
กว่าจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ
แต่งตัวเสร็จสรรพ และเดินไปหาอะไรทานในห้องครัว ก็ใช้เวลาปาไปเกือบชั่วโมง
แต่โชคดีที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เลยมีเวลาที่จะใช้ชีวิตแบบช้าๆ ไม่ต้องเร่งทาน
เร่งเดิน ตามวิถีคนกรุงฯ แบบวันธรรมดา
หลังจากทานอาหารเช้าซึ่งล่วงเลยเวลาไปพอสมควรเรียบร้อย ก็ต้องพบกับความรู้สึกเดิมอีกครั้ง คือ
เกร็งที่ช่วงหน้าท้อง รู้สึกได้ว่าต้องพาตัวเองวิ่งไปนั่งกอดชักโครกเช่นเดิม
แล้วก็อีกนั่นแหละ “อาเจียน”
วันทั้งวันเป็นอยู่เช่นนั้น
นอนหลับ - ลืมตาตื่น – ทานอาหาร- อาเจียน กว่าจะหายดี สบายตัว
สบายหัวจริงๆ ก็เวลาเย็น หลังจากวนเวียนเป็นแบบนั้นอยู่สอง-สามรอบ
บทเรียนครั้งสำคัญจากการ "ดื่มมั่ว" และ "ดื่มมาก"
ไม่ต้องบังอาจไปโทษเพื่อนที่ท้าทาย
นี่คือผลจากความอวดดี อวดเก่ง ไม่รู้และไม่ประมาณตัวเอง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น